RECORD 4
MONDAY 5 February 2561
เนื้อหาการเรียน (KNOWLEDGE)
อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มออกมานำเสนองานที่อาจารย์มอบหมายให้ไปค้นคว้ามานำเสนอหน้าชั้นเรียนให้เพื่อนๆได้ฟังกัน
นำเสนองานกลุ่ม
กลุ่มที่ 5 รูปแบบการเรียนรู้แบบมอนเตสเซอรี่
รูปแบบการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่
ที่มาของการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
คือ
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เกิดจากแนวคิดของมาเรีย มอนเตสซอรี่ (Maria Montessori) แพทย์หญิงชาวอิตาลีที่มีความเชื่อว่า
“การให้การศึกษากับเด็กในวัยเริ่มต้น ไม่ใช่การนำความรู้ไปบอกเด็ก
แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการทางธรรม ชาติของเขา”
มอนเตสซอรี่เริ่มต้นนำแนวการสอนนี้ไปใช้กับเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้า
โดยประดิษฐ์สื่อวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบสิ่งต่างๆ
ด้วยตัวเอง
จุดมุ่งหมายของการสอนแบบมอนเตสซอรี่
คือ “ช่วยพัฒนา
หรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพของเด็กในวิถีทางต่างๆ อย่างมากมาย“
สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนระบบมอนเตสซอรี่ คือ
การจัดระบบเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริง และความต้องการของเด็ก
เพื่อเด็กจะได้พัฒนาบุคลิกภาพของเขา
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
คือ
การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เป็นการจัดสภาพการเรียนรู้สำหรับเด็ก
โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้าน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน
ให้เสรีภาพแก่เด็ก ให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง
ให้ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อมเพราะมอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กคือ
ผู้รู้ความต้องการของตนเองและมีความสามารถที่จะซึมซับการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้
หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย
3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้าน
1.ด้านทักษะกลไก (Motor Education) หรือกลุ่มประสบการณ์ชีวิต
มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการดูแลและจัดการสิ่งแวดล้อมเด็กจะทำกิจกรรมต่างๆ
ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของชีวิตประจำวัน เช่น
มารยาทในการรับประทานอาหารเป็นต้น
2.ด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses) มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการสังเกต
การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับมิติรูปทรง ปริมาตรของแข็ง ของทึบ อุณหภูมิ
เด็กจะได้รู้จักทรงกระบอก ลูกบาศก์ ปริซึม แขนงไม้ ชุดรูปทรงเรขาคณิต
3.ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation For Writing and Arithmetic) หรือกลุ่มวิชาการ
มีจุดประสงค์เพื่อเตรียมเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษา
เตรียมตัวด้านการอ่านการเขียนโดยธรรมชาติ
การประสมคำ
คณิตศาสตร์
หลักการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
มีดังนี้
- จัดห้องเรียนให้เสมือนบ้าน
-
ให้เสรีภาพกับเด็กที่จะเลือกเล่นด้วยตนเอง
-
จัดสภาพการณ์ต่างๆที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
-
พัฒนาจิตใจของเด็กไปพร้อมกับการพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและร่างกาย
- การเรียนไปพร้อมกับการเล่น
-
ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสของเด็กทุกด้าน
-
การรักเด็กและนับถือความสามารถที่เป็นธรรมชาติของเด็ก
หลักการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
มีดังนี้
- จัดห้องเรียนให้เสมือนบ้าน
-
ให้เสรีภาพกับเด็กที่จะเลือกเล่นด้วยตนเอง
-
จัดสภาพการณ์ต่างๆที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
-
พัฒนาจิตใจของเด็กไปพร้อมกับการพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและร่างกาย
- การเรียนไปพร้อมกับการเล่น
-
ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสของเด็กทุกด้าน
-
การรักเด็กและนับถือความสามารถที่เป็นธรรมชาติของเด็ก
การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะส่งเสริมเด็กให้เกิดคุณลักษณะ
ดังนี้
-เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีเพราะหลักสูตรมอนเตสซอรี่ออกแบบโดยการเลียนแบบชีวิตจริง
-เด็กเรียนด้วยความสุข
เพราะเป็นจัดการเล่นปนเรียน สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
-เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อน
ให้เด็กที่มีความแตกต่างกันเรียนรู้ที่อยู่ร่วมกัน ให้ความช่วยเหลือกัน
เพราะการเรียนแบบจัดกลุ่มเด็กหลายอายุ รวมกลุ่มกัน
-การเรียนที่มุ่งให้เด็กทำกิจกรรมจนสำเร็จด้วยตนเอง
ไม่มีการแข่งขันเปรียบเทียบ เด็กจะรู้สึกท้าทายตนเอง ไม่เครียด
ไม่เบื่อหน่ายการเรียน
วีดีโอ รูปแบบการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่
กลุ่มที่ 6 รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
รูปแบบการเรียนรู้
รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป ( HighScope Approach )
การสอนแบบไฮสโคป
การสอนเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้พัฒนาคน การเรียนรู้และการสอนทำให้มี
การคิดเชื่อมโยงความรู้ได้อย่างรวดเร็ว การศึกษาปฐมวัยจึงเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็ก 6
ขวบแรกเป็นการจัดการศึกษาเพื่อการดูแล
และสร้างเสริมเด็กให้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
การสอนเด็กปฐมวัยไม่ใช่การถ่ายทอดความรู้
แต่เป็นการจัดประสบการณ์อย่างมีรูปแบบเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ พัฒนาสมรรถนะทางปัญญา และพัฒนาจิตนิยมที่ดี การเรียนการสอนสำหรับปฐมวัย มีหลากหลายรูปแบบแต่สำหรับรูปแบบที่ผู้เขียนจะนำเสนอนั้นก็เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความน่าสนใจอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบการเรียนการสอนที่ว่านั้นก็คือ รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
ความเป็นมา
แนวคิดพื้นฐาน การเรียนการสอนแบบไฮสโคป
เป็นแนวคิดการจัดการศึกษาที่พัฒนามาจากโครงการ เพอรี่ พรีสคูล (Perry Preschool Project) เมืองยิปซีแลนติ
(Ypsilanti) รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1960 โดย เดวิด ไวคาร์ด (David Weikart) และคณะ
เป็นโปรแกรมการศึกษาที่มีหลักสูตรและการสอนเน้นการเรียนรู้โดยใช้หลักการสร้างความรู้
(constructive process) จากการกระทำ
ที่ต้องมีการร่วมกันคิดร่วมกันทำตามแผนที่กำหนด ซึ่งต่อมาได้มีผู้นำรูปแบการศึกษาของไฮสโคปไปใช้อย่างแพร่หลาย
รวมถึงการนำมาใช้กับการเรียนการสอนระดับปฐมวัยศึกษาด้วย
การสอนแบบไฮสโคป
มีพื้นฐานแนวคิดมาจากทฤษฎีของเพียเจท์ (Piage’s
Theory)ว่าด้วยพัฒนาการทางสติปัญญา
ที่เน้นการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติที่เด็กสามารถสร้างความรู้ได้เองโดยใช้กระบวนการสร้างสรรค์การเรียนรู้
(Constructive process of learning) เด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของตน
การประเมินผลงานอย่างมีแบบแผน ช่วยให้เด็กเกิดความรู้ขึ้น
เด็กจะได้รับการกระตุ้นจากครูให้คิดนำอุปกรณ์มากระทำหรือเล่นด้วยการวางแผนการทำงาน
แล้วดำเนินตามแผนไว้ตามลำดับพร้อมแก้ปัญหาและทบทวนงานที่ทำด้วยการทำงานร่วมกันกับเพื่อนเป็นกลุ่มเล็กๆ
โดยมีครูคอยให้กำลังใจ ถามคำถาม สนับสนุน และเพิ่มเติมสิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้
แนวคิดสำคัญ
แนวการสอนแบบไฮสโคป
เน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย
ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการของเด็กและการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น
การเรียนการสอน
การเรียนการสอนแบบไฮสโคป
เป็นการสร้างองค์ความรู้จากการที่เด็กได้ลงมือจัดกระทำกับอุปกรณ์
หรือสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นประสบการณ์ตรง
โดยที่ครูจะเป็นคนเตรียมอุปกรณ์ให้กับเด็กและกระตุ้นให้เด็กพัฒนาและดำเนินกิจกรรม
โดยใช้หลักปฏิบัติ 3 ประการ คือ
Plan
เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติหรือดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมาย มีการสนทนาระหว่างครูกับเด็ก ว่าจะทำอะไร อย่างไร
การวางแผนกิจกรรมอาจจะใช้แสดงด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ประจำตัวเด็ก เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือก และตัดสินใจ
Do
คือการลงมือกระทำตามแผนที่วางไว้ เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจและทำด้วยตนเอง เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูง
Review
จะมีการอภิปรายและเล่าถึงผลงานที่เด็กทำเพื่อทบทวนว่า
เด็กสามารถปฏิบัติตามแผนที่วางไว้หรือไม่
มีการเปลี่ยนแปลงแผนอย่างไร
และชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างแผนกับการปฏิบัติ และผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่างๆ
ที่ได้รับ
สรุป
การเรียนการสอนแบบไฮสโคป สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ได้ทุกกิจกรรม
เพราะกระบวนการและวิธีการสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กเปิดกว้างมีการคิดการปฏิบัติ
ตามวงจรของการวางแผน การปฏิบัติ
และการทบทวน ( plan-do-review
cycle ) เมื่อทำกิจกรรมแล้วเด็กสามารถที่คิดกิจกรรมอื่นต่อเนื่องได้ตามความสนใจ จุดสำคัญอยู่ที่ประสบการณ์การเรียนรู้ ( Key experience ) ที่เด็กควรได้รับระหว่างกิจกรรม
ซึ่งครูต้องมีปฏิสัมพันธ์และกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากกิจกรรมให้มากที่สุด
ครู คือบุคคลที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
หากรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความสอดคล้องภาวะการเรียนรู้ของเด็กและครูมีความเข้าใจในรูปแบบการเรียนการสอน
ก็จะเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็กมากยิ่งขึ้น
ความรู้ที่ได้ (Knowledge)
- การคิดการฝึกวิเคราะห์
- การคิดแบบมีความคิดสร้างสรรค์
- การสื่อสาร
- การฟังอย่างมีเหตุผล
ทักษะ (Saill)
- ทักษะการฟังและการคิด
- ทักษะการนำเสนองาน
- ทักษะการสื่อสารและเทคโนโลยี
-ทักษะการเชื่อมโยง
การนำเอาไปประยุกต์ใช้ (Adoption)
สามารถนำเนื้อหาที่เรียนรู้นำไปจัดกิจกรรมให้เด็กได้อย่างเหมาะสมตามพัฒนาการตามวัย และสามารถนำความรู้แต่ละหัวข้อที่เพื่อนนำเสนอ นำไปต่อยอดเพื่อเอาไปสอนเด็กได้จริงในอนาคต
เทคนิคการสอน (Technique Teathing)
- มีการอธิบายเนื้อหารายวิชานี้ให้นักศึกษาฟังได้อย่างเหมาะสมและเข้าใจง่าย
- มีการอธิบายเพิ่มเติมหลังจากนักศึกษานำเสนองานเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นและชัดเจนขึ้น
- มีการทบทวนเนื้อหาการเรียนในรายวิชาต่างๆที่เคยเรียนมาเพื่อเอามาต่อยอดในรายวิชานี้
แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มาตรงต่อเวลา ตั้งใจทำกิจกรรมต่างๆอย่างเต็มที่ ตั้งใจฟังขณะที่อาจารย์สอน ไม่พูดคุยกับเพื่อนเสียงดัง
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆทุกคนตั้งใจเรียน และให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆอย่างเต็มที่ ไม่พูดคุยเสียงดังขณะเรียนหนังสือ
ประเมินอาจารย์
อาจารย์มาตรงต่อเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มีกิจกรรมแปลกใหม่มาสอนนักศึกษาเสมอ และเปิดโอกาสให้นักศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น