MONDAY 22 January 2561
เนื้อหาการเรียน (KNOWLEDGE)
วันนี้เป็นการเรียนการสอนสัปดาห์ที่ 2 ของรายวิชา การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เด็กปฐมวัย วันนี้บรรยากาศภายในห้องเรียนครึ้กครื้นมาก ก่อนเข้าสู้เนื้อหาการเรียนอาจาย์ก็ได้พูดคุยกับนักศึกษาก่อนเพราะไม่อยากให้เสียเวลาในขณะที่รอเพื่อนๆมาครบ หลังจากที่เพื่อนๆมาครบกันหมดแล้ว อาจารย์ก็เริ่มให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มออกมานำเสนองานที่อาจารย์มอบหมายงานให้ไปค้นคว้าข้อมูเมื่ออาทิตย์ที่แล้วออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนให้เพื่อนได้ฟังกัน
นำเสนองานของแต่ล่ะกลุ่ม
กลุ่มที่ 1 พัฒนาการและคุณลักษณะตามวัยของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 2 ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย
ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย
ความต้องการ ความสนใจและการเล่นของเด็กปฐมวัย
เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์การสร้างรากฐาน
ที่ดีทั้งทางร่างกาย
และจิตใจให้กับเด็กในวันนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะช่วงอายุแรกเกิด ถึง6
ปี
เป็นระยะที่มีความสำคัญช่วงหนึ่งในการวางรากฐานคุณภาพชีวิตของเด็กด้วยเหตุที่เด็กปฐมวัยมี
ธรรมชาติและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากบุคคลวัยอื่นๆ
ความต้องการ
ความต้องการเป็นสิ่งจาเป็นสำหรับการดำรงชีวิต
ความต้องการเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดความสมดุล ซึ่ง
เป็นสาเหตุสำคัญที่ทาให้ร่างกายเกิดความเครียด ไม่เป็นสุข
ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีการกระทาเกิดขึ้น
เพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาวะสมดุลตามปกติ
ชนิดของความต้องการ
1.ความต้องการของแต่ละคน
(Individual Needs )
1.1 ความต้องการทางอินทรีย์
1.2 ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
1.2
ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
1.ความต้องการที่จะรักคนอื่นและให้คนอื่นรักตน
2.ความต้องการความปลอดภัย
3.ความต้องการการมีส่วนร่วม
หรือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
4.
ความต้องการความสัมฤทธิ์ผลหรือต้องการให้บรรลุจุดมุ่งหมายของตน
5.
ความต้องการรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาสติปัญญา
6.
ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่อยู่ปกติให้เป็นสภาพใหม่
7.
ความต้องการที่จะรับความพึงพอใจในทางสวยงาม
ความต้องการทางสังคม
(Social Need)
ได้แก่
ความต้องการความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ การนับหน้าถือตา ความนิยมชมชื่น
ความเป็นมิตรภาพ
ต่อกัน และความต้องการในสมบูรณาการ (Integration) ซึ่งเป็นความต้องการ ที่เป็นความสุขของชีวิต
ตามอุดมคติ
ความต้องการของเด็กปฐมวัย
•
ความต้องการพื้นฐานทางกาย เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่
•
ความต้องการความอิสระ ควบคู่ไปกับความต้องการพื้นฐานทางกาย
•
ความต้องการผลสัมฤทธิ์ มักจะต้องการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น
•
ความต้องการประสบการณ์ที่ท้าทาย
•
ความต้องการมีเพื่อน เด็กปฐมวัยส่วนใหญ่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น
ความสนใจ
ความสนใจ หมายถึง
ความรู้สึกหรือเจตคติของบุคคลที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ
ความรู้สึกนั้นทาให้บุคคลเอาใจใส่และกระทำการจนบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่บุคคลมีต่อสิ่งนั้น
1.เกิดจากความต้องการ
2.เกิดจากการเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น
3.เกิดจากแรงจูงใจของสิ่งเร้า
4.สิ่งที่น่าสนใจเป็นสิ่งที่มีความหมาย
5.สิ่งที่น่าสนใจเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ มีความสัมพันธ์กับชีวิตจริงของเด็ก
6.สิ่งที่น่าสนใจเป็นสิ่งที่เด็กถนัดและมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว
ความสนใจของเด็กปฐมวัย
สิ่งที่เด็กปฐมวัยสนใจนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ
ตัวของเด็กนั่นเอง ที่เป็นเช่นนี้
เพราะเด็ก
ปฐมวัยยังมีลักษณะของการยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้
ช่วงเวลาของความสนใจของเด็ก
ปฐมวัย จะค่อนข้างสั้น โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 2 – 3 นาที
จึงเห็นได้ว่าเด็กในวัยนี้ชอบที่จะเปลี่ยน
กิจกรรมอยู่ตลอดเวลา
1.ความสนใจร่วม เนื่องจากเด็กที่มีอายุระดับใกล้เคียงกัน
2.ความสนใจในสิ่งใหม่ ๆ ควรเปิดโอกาสให้เด็กพบกับสิ่งใหม่ ๆ
3.เป็นสิ่งที่ดี ในขณะเดียวกัน ควรเพิ่มกิจกรรมไปจากความสนใจ
4.ความสนใจชั่วครู่ และความสนใจที่แตกต่างออกไป
เด็กปฐมวัยมีความสนใจในสิ่งต่าง ๆ
• 1.สนใจการเล่นและมักจะเล่นคนเดียวมากกว่าจะเล่นกับเพื่อนเป็นกลุ่ม
•
2.สนใจรูปภาพในหนังสือ ภาพที่เด็กสนใจจะต้องมีสีสดใส
ชัดเจน
•
3.สนใจฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์
•
4.สนใจฟังเพลงที่มีจังหวะง่าย ๆ คำร้องสั้น ๆ
•
5.สนใจสิ่งรอบตัว ชอบซัก ชอบถาม
การเรียนรู้ หมายถึง
การเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
หรือจากการฝึกหัด รวมทั้งการเปลี่ยนปริมาณความรู้ของผู้เรียน มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ 1)
มนุษย์ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจาก “ไม่รู้” เป็น “รู้” “ทำไม่ได้”
เป็น “ทำได้” “ไม่เคยทำ” เป็น “ทำ” 2)
การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนั้นต้องเป็นไปอย่างถาวร 3) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น
เกิดจากประสบการณ์การฝึกฝนและการฝึกหัด ไม่ใช่จากเหตุอื่นๆนอกจากนั้น
เด็กปฐมวัยคืออะไร?
เด็กปฐมวัย
(Early Childhood) เป็นคำที่ใช้เรียกเด็กที่มีอายุตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึง
6 ปี ซึ่งอยู่ในวัยที่คุณภาพของชีวิทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม
และสติปัญญากำลังเริ่มต้นพัฒนาอย่างเต็มที่
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์
เพียเจท์ กล่าวถึง
การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงานของโครงสร้างทางปัญญา เป็นวิธีที่เด็กจะเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อม เพียเจท์ได้มองการเล่นเป็นกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา
ซึ่งกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา และลักษณะของการเล่นนั้น
จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เพียเจท์ได้แบ่งพัฒนาการทางสติปัญญาออกเป็น 4 ขั้น
1. ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว
2. ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการ
3. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบรูปธรรม
4. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบนามธรรม
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของไวกอสกี้
กล่าวว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้
พัฒนาสติปัญญาและทัศนคติเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่น หากเด็กต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายแต่ไม่สามารถคิดแก้ปัญหาโดยลำพัง แต่ถ้าได้รับการช่วยเหลือแนะนำจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนที่มีประสบการณ์มาก่อน เด็กจะสามารถแก้ปัญหานั้นและจะเกิดการเรียนรู้ได้
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของบรูเนอร์
เชื่อว่า ครูสามารถจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยเพื่อให้เด็กเกิดความพร้อมที่จะเรียนได้
โดยต้องคำนึงถึงทฤษฎีพัฒนาการว่าเป็นตัวเชื่อมระหว่างความรู้และการสอน
กล่าวคือพัฒนาการจะเป็นตัวกำหนดเนื้อหาความรู้และวิธีการสอน
หรือกิจกรรมการเรียนการสอนต้องสอดคล้องกับพัฒนาการและความสามารถของเด็กเป็นหลัก
จึงได้แบ่งขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กปฐมวัยออกเป็น 3 ขั้นตอน
1. ขั้นการเรียนรู้ด้วยการกระทำ
2.
ขั้นการเรียนรู้ด้วยภาพและจินตนาการ
3.
ขั้นการเรียนรู้ด้วยสัญลักษณ์
สรุป
เด็กจะเกิดการเรียนรู้ในช่วง 0-5 ปีอย่างง่ายโดยไม่รู้ตัว
และเรียนรู้ด้วยความเพลิดเพลิน สนุกสนาน
การส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด ทั้งนี้จะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้แบบค้นหา และการมีปฏิสัมพันธ์ การใช้สื่อและการปรับบทบาทของครูและเด็ก
ตามหลักทฤษฎีของกลุ่มแนวคิดสร้างองค์ความรู้ การเรียนรู้หมายถึงการที่เด็กสามารถปรับความคิด เพื่อใช้ในชีวิตจริง
การเรียนรู้จึงมิใช่การสะสมความรู้จากแหล่งภายนอกเพียงเท่านั้น
ครูจําเป็นต้องให้ความสําคัญกับสิ่งที่เด็กจะต้องนํา ไปใช้ในชีวิตไปในขณะเดียวกันด้วย
กลุ่มที่ 4 นวัตกรรมการสอนแบบโครงการ (Project Approach)
การสอนแบบโครงการ
การจักการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง ซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึก เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้
ความรู้ที่ได้ (Knowledge)
- การคิดการฝึกวิเคราะห์
- การคิดแบบมีความคิดสร้างสรรค์
- การสื่อสาร
- การฟังอย่างมีเหตุผล
ทักษะ (Saill)
- ทักษะการฟังและการคิด
- ทักษะการนำเสนองาน
- ทักษะการสื่อสารและเทคโนโลยี
-ทักษะการเชื่อมโยง
การนำเอาไปประยุกต์ใช้ (Adoption)
สามารถนำเนื้อหาที่เรียนรู้นำไปจัดกิจกรรมให้เด็กได้อย่างเหมาะสมตามพัฒนาการตามวัย และสามารถนำความรู้แต่ละหัวข้อที่เพื่อนนำเสนอ นำไปต่อยอดเพื่อเอาไปสอนเด็กได้จริงในอนาคต
เทคนิคการสอน (Technique Teathing)
- มีการอธิบายเนื้อหารายวิชานี้ให้นักศึกษาฟังได้อย่างเหมาะสมและเข้าใจง่าย
- มีการอธิบายเพิ่มเติมหลังจากนักศึกษานำเสนองานเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นและชัดเจนขึ้น
- มีการทบทวนเนื้อหาการเรียนในรายวิชาต่างๆที่เคยเรียนมาเพื่อเอามาต่อยอดในรายวิชานี้
แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มาตรงต่อเวลา ตั้งใจทำกิจกรรมต่างๆอย่างเต็มที่ ตั้งใจฟังขณะที่อาจารย์สอน ไม่พูดคุยกับเพื่อนเสียงดัง
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆทุกคนตั้งใจเรียน และให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆอย่างเต็มที่ ไม่พูดคุยเสียงดังขณะเรียนหนังสือ
ประเมินอาจารย์
อาจารย์มาตรงต่อเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มีกิจกรรมแปลกใหม่มาสอนนักศึกษาเสมอ และเปิดโอกาสให้นักศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น